วันอังคารที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ราชพฤกษ์ & ศรีตรัง

โรงเรียนวัดโสธรวรารามวรวิหาร 



ป้ายที่ติดไว้ กับ ต้นไม้ที่ ในหลวงทรงปลูกไว้ในโรงเรียน



ป้ายที่ติดไว้ กับ ต้นไม้ที่ พระราชชินีทรงปลูกไว้ไนโรงเรียน





ตั้งเเต่ ปี๒๕๑๒ 

วันอาทิตย์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ความภาคภูมิใจ


ความภาคภูมิใจ ของ โรเรียนวัดโสธรวรารามวรวิหาร


พระราชทานชื่อ โรงเรียน










ประวัติ วัดโสธรวรารามวรวิหาร

ประวัติวัดโสธรวรารามวรวิหาร


ประวัติและความเป็นมา

ตั้ง อยู่ที่ถนนมรุพงษ์ ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมือง ห่างจากศาลากลางจังหวัดไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 2 กิโลเมตร บนเนื้อที่ 21 ไร่ 42 ตารางวา วัดโสธรฯ นี้ เดิมมีชื่อว่า “วัดหงส์” เนื่องจากมีเสาหงส์อยู่ในวัด เสาหงส์มีลักษณะเป็นเสาสูง ปลายเสาเป็นรูปหงส์ตั้งอยู่ เล่ากันว่าสร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนปลายโดยฝีมือชาวมอญ เนื่องจากมีเสาหงส์ซึ่งเป็นลักษณะศิลปะของชาวมอญปรากฏอยู่
ต่อมาพายุใหญ่ได้พัดเอาตัวหงส์ที่อยู่บนยอดเสาหักพังลงมาเหลือแต่เสา ชาวบ้านจึงได้นำผ่าขึ้นไปผูกแทน นานเข้าผู้คนได้พากันเรียกชื่อตามภาพที่เห็นว่า “วัดเสาธง” หลังเวลาผ่านไปอีกช่วง เสาหงส์หรือเสาธงซึ่งถูกแดดลมกัดกร่อนเป็นเวาลานานเมื่อถูกพายุจึงหักลงมา เป็นสองท่อน ชาวบ้านเลยพากันเรียกชื่อวัดว่า “วัดเสาธงทอน” ตามลักษณะการหักเป็นสองท่อนของเสาหงส์หรือเสาธง
เรื่องเล่ายังมีต่อไปอีกว่า ครั้งหนึ่งได้มีพระพุทธรูปสัมฤทธิ์ 3 พี่น้องลอยตามแม่น้ำปิงมาจากทางเหนือแล้วลัดเข้าคลองมาทางพระโขนง ก่อนออกสู่แม่น้ำบางปะกงได้แสดงอภินิหารโผล่พ้นน้ำให้ชาวบ้านเห็น ชาวบ้านได้ช่วยกันชักลากขึ้นจากน้ำแต่ไม่สำเร็จ ภายหลังจึงได้เรียกชื่อคลองนี้ว่า “คลองชักพระ”
แล้ว ได้ลอยทวนน้ำขึ้นไปจนถึงวัดสัมปทวนในปัจจุบัน เมื่อถึงบริเวณดังกล่าวได้แสดงอภินิหารลอยขึ้นเหนือน้ำให้ชาวบ้านเห็นอีก ชาวบ้านได้พากันเอาเชือกพรวนไปผูกพระพุทธรูปทั้ง 3 องค์ไว้ เพื่อจะฉุดลากขึ้นแต่ไม่เป็นผลสำเร็จ ชาวบ้านจึงพากันเรียกวัดนี้ว่า “วัดสามพระทวน” ภายหลังเพี้ยนเป็น “สัมปทวน”จาก นั้นพระพุทธรูปทั้ง 3 องค์ได้ลอยย้อนกลับลงมาตามกระแสน้ำผ่านหน้าวัดโสธรฯ ไปแสดงอภินิหารให้ชาวบ้านเห็นอีกครั้งบริเวณคุ้งน้ำใต้วัด ชาวบ้านพากันฉุดขึ้นจากน้ำแต่ไม่เป็นผลสำเร็จ ชาวบ้านจึงพากันเรียกชื่อหมู่บ้านและคลองบริเวณนั้นว่า “บางพระ” จากนั้นได้ลอยทวนน้ำวนอยู่หัวเลี้ยวตรงกองพันทหารช่างที่ 2 จนเป็นที่มาของชื่อว่า “แหลมหัววน” และ “คลองสองพี่น้อง”ต่อมาพระพุทธรูปองค์พี่ใหญ่ได้แสดงอภินิหารลอยเข้าไปตามลำแม่น้ำแม่กลอง แล้วไปผุดขึ้นที่บริเวณบ้านแหลม จังหวัดสมุทรสงคราม ชาวบ้านได้อัญเชิญขึ้นไว้ที่วัดบ้านแหลม ได้ชื่อว่า “หลวงพ่อบ้านแหลม” ส่วนพระน้ององค์เล็กได้ลอยตามน้ำล่องไปตามคลองบางพลี และผุดขึ้นที่คลองใกล้วัดบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ชาวบ้านได้อัญเชิญขึ้นไว้ที่วัดบางพลี มีชื่อว่า “หลวงพ่อโตบางพลี”
สำหรับ องค์กลางมาผุดขึ้นที่หน้าวัด หงส์หรือวัดเสาธงทอน ชาวบ้านได้นำเชื่อกมาผูกเพื่อจะชักลากขึ้นฝั่งแต่ไม่สำเร็จที่สุดได้มีผู้ รู้ทางไสยศาสตร์ท่านหนึ่งได้ร่วกับชาวบ้านทำที่ตั้งศาลเพียงตากระทำพิธีบวง สรวงแล้วเอาด้ายสายสิญจน์คล้องไว้กับพระหัตถ์ จึงอัญเชิญขึ้นมาได้สำเร็จ และนำมาประดิษฐานไว้ที่อุโบสถของวัด วันที่อัญเชิญขึ้นมาตรงกับวันที่ 14 ค่ำ เดือน 5 ซึ่งสันนิษฐานว่าน่าจะอยู่ในราว พ.ศ. 2313 ซึ่งเป็นช่วงต้นกรุงธนบุรี  ต่อมาชาวบ้านได้ร่วมใจกันถวายนามว่า “พระโสทร” มีความหมายว่าพี่น้องร่วมอุทร ซึ่งหมายถึงพระพุทธรูปทั้ง 3 องค์ ที่ลอยตามน้ำมาด้วยกันโดยประดิษฐานอยู่ ณ วัดนี้คือหนึ่งในสามองค์นั้น
จากนั้นชาวบ้านได้พากันเรียกชื่อวัดตามชื่อหลวงพ่อ “วัดโสทร” และเลยเรียกรวมไปถึงชื่อหมู่บ้านและคลองที่อยู่ในละแวกเดียวกับวัดนั้นด้วย
ล่วงมาถึงรัชกาลที่6 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ คำว่า “โสทร” ได้เปลี่ยนไปเขียนใหม่ใหม่เป็น “โสธร” แต่ไม่ปรากฏว่าผู้ใดเป็นผู้เปลี่ยนสำหรับชื่อ “โสธร” ที่เขียนใหม่นี้มีความหมายว่า “บริสุทธิ์” หรือ”ศักดิ์สิทธิ์” สำหรับเหตุที่มีการเปลี่ยนชื่อจาก “หลวงพ่อพุทธโสทร” มาเป็น “หลวงพ่อพุทธโสธร” ก็คงเป็นด้วยความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อที่ประชาชนทั่วไปต่างเคารพนับถือมา แต่โบราณกาลแล้ว นอกจากนี้พุทธลักษณะอันงดงามของหลวงพ่อเองก็เป็นปัจจัยสนับสนุนให้เปลี่ยน อักษรเขียนชื่อใหม่ดังกล่าว


dsc 7502พระ พุทธโสธรเป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ หน้าตักกว้าง 165 เซนติเมตร สูง 198 เซนติเมตร ประทับอยู่เหนือบัลลังก์ 4 ชั้น ปูลาดด้วยผ้าทิพย์ ซึ่งหมายถึงการอยู่สูงสุด เป็นพุทธเหนืออริยบุคคล 4 คือ พระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์
ตามประวัติเล่าว่า เดิมเป็นพระพุทธธูปหล่อด้วยสัมฤทธิ์ ปางสมาธิ หน้าตักกว้างศอกเศษ รูปทรงสวยงาม ภายหลังพระสงฆ์ภายในวัดเห็นความงดงามนี้จะเป็นอันตรายต่อองค์พระเอง จึงได้ช่วยกันนำปูนมาพอกเสริมปั้นหุ้มองค์เดิมไว้ พระพุทธโสธรที่เห็นในปัจจุบันจึงเป็นพระพุทธรูปปูนปั้น ลงรักปิดทอง พระพักตร์แบบศิปะล้านนา พระเกตุมาลาแบบปลี ความกว้างของพระเพลา 3 ศอก 5 นิ้ว หรือ 1 เมตร 65 เซนติเมตร สูง 1 เมตร 98 เซนติเมตร
นอกจากนี้ ทางวัดและทางจังหวัดฉะเชิงเทรายังได้ร่วมกันจัดสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ สำหรับเป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อโสธรขึ้น โดยเมื่อวันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2531 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มาทรงวางศิลาฤกษ์ก่อสร้างพระอุโบสถ จากนั้นได้ดำเนินการก่อสร้างเรื่อยมาจนแล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2541 พระอุโบสถหลังใหม่นี้มีลักษณทรงไทยประยุกต์ กว้าง 44.50 เมตร ยาว 123.50 เมตร ลักษณะเป็นอาคารหลังคาประกอบเครื่อยอด ชนิดยอดทรงมณฑปแบบไทย ต่อเชื่อมด้วยวิหารทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ด้านข้างต่อเชื่อมด้วยอาคารรูปทรงอย่างเดียวกันกับพระวิหาร เป็นอาคารจัตุรมุข ซึ่งเมื่อประกอบเข้าด้วยกันแล้วจะเป็นหลังคาแบบจัตุรมุขอย่างอาคารปราสาทแบบ ไทย กำแพงปุด้วยหินอ่อนจากเมืองคาร์ราร่า ประเทศอิตาลี จัดเป็นพระอุโบสถที่งดงามมาก และมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
สำหรับพรัอุโบสถหลังใหม่นี้ ชาวจังหวัดฉะเชิงเทราสร้างขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ 2 ประการ คือ เพื่อสนับสนุนพระศาสนาซึ่งเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของพุทธศาสนิกชนและเพื่อ ร่วมเฉลิมฉลองพระราชพิธีกาญจนภิเษกถวายเป็นพระราชกุศล โดยร่วมกันทูลเกล้าฯ ถวายเป็นพระอุโบสถประจำรัชกาลที่ 9 สือต่อไป

 lg nimithungbun071ศิลปกรรมบนพื้นแกรนิตภาพมหาสมุทร
ใน ส่วนพระอุโบสถ ที่ประดิษฐานพระพุทธโสธรองค์จริง พระประธาน และพระพุทธรูปอื่นรวม 18 องค์ ประดิษฐานในดอกบัว ลายล้อมด้วยศิลปกรรมบน           พื้นแกรนิตภาพมหาสมุทร แสดงถึงตำนานหลวงพ่อโสธรที่ลอยน้ำมายังบริเวณนี้ มีปลาขนาดใหญ่ประจำเมืองแปดริ้ว 5 ตัว ว่ายวนอัญเชิญดอกบัว รอบๆ มีสัตว์น้ำนานาชนิด ทั้งกุ้ง หอย
ปู ปลา คาบดอกบัวมาสักการะหลวงพ่อ ลวดลายบนภาพพื้นพระอุโบสถ มีความสมจริงดั่งพื้นน้ำ ด้วยฝีมือช่างผู้ชำนาญ ที่สามารถแกะสลักหินแกรนิตหลากสี จากต้นแบบของ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ประหยัด พงษ์ดำ และคณะให้เป็นลวดลายสมจริงเช่นนี้ ทั้งหมดที่ท่านเห็นบนพื้นพระอุโบสถ   ทำจากหินแกรนิตแกะสลักสลับสีซ้อนกันหลายชิ้นมีความพิถีพิถันในการให้สี มีความใส่ใจในรายละเอียด ทำให้ได้ภาพเขียนศิลปกรรมขนาดใหญ่จากแกรนิตที่สวยงาม    แห่งเดียวในโลก
จิตรกรรมภาพดวงดาวบนเพดานพระอุโบสถวัดโสธรวรารามวรวิหาร lg nimithungbun073จิตรกรรม ภาพดวงดาวบนเพดานพระอุโบสถ ท้องฟ้าสีดำประดับด้วยดวงดาวมากมาย เป็นฝีมือของจิตรกรเอกหลายท่านของเมืองไทย นำโดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณประหยัด พงษ์ดำ ศิลปินแห่งชาติพร้อมคณะที่ร่วมกันสรรค์สร้างเป็นภาพสีน้ำมันบนวัสดุเคลือบ ด้วยน้ำยาชนิดพิเศษที่ให้ความคงทน และรักษาสีไม่ให้ซีดจาง เมื่อแหงนหน้ามองขึ้นไป จะรู้สึกเหมือนกับว่าภาพบนเพดานแบนราบ แท้จริงแล้วกลับเป็นเพดาน  ทรงโดมโค้ง ภาพนี้แสดงตำแหน่งของดวงดาวใน วัน เวลา นาที ที่พระบาทสมเด็จ    พระเจ้าอยู่หัวเสด็จ   พระราชดำเนินยกยอดฉัตรพระอุโบสถวัดโสธรวรารามวรวิหาร

งานเทศกาลนมัสการหลวงพ่อโสธร
หลวง พ่อโสธร เป็นพระศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง มีอภินิหาร มีประชาชน พุทธบริษัทและเทศพากันหลั่งไหลไปนมัสการทุกวันไม่ขาด ถ้าเป็นวันเสาร์ อาทิตย์ หรือวันหยุดอื่นๆ ประชาชนยิ่งพากันไปมากกว่าวันธรรมดายิ่งในวันเทศกาลด้วยแล้ว ประชาชนพากันหลั่งไหลไปนับจำนวนแสน งานปีของหลวงพ่อโสธรนั้นมีปีละ 3 ครั้ง ตามลำดับ ดังนี้
1. ครั้งแรก งานวันเกิดหลวงพ่อโสธร คือ กลางเดือน 5 มีงาน 3 วัน 3 คืน
2. ครั้งที่ 2 งานกลางเดือน 12 มีงาน 5 วัน 5 คืน
3. ครั้งที่ 3 งานตรุษจีน มี 5 วัน 5 คืน
dsc00614 งานนมัสการหลวงพ่อครั้งแรกนั้น ตามตำนานกล่าวว่า ประชาชนพากันอาราธนาหลวงพ่อขึ้นจากแม่น้ำ แล้วอัญเชิญมาประดิษฐานในพระอุโบสถ จึงมีงานสมโภชถวาย ต่อแต่นั้นมาก็มีถวายหลวงพ่อเป็นประจำมาถึงทุกวันนี้ งานนี้เริ่มแต่วันขึ้น 14 -15  ค่ำ และแรม 1 ค่ำ เดือน 5 รวม 3 วัน 3 คืน มีมหรสพสมโภชตลอดงาน ถือกันว่าเป็นงาน   วันเกิดของหลวงพ่อ
งานเทศกาลนมัสการหลวงพ่อกลางเดือน 12 นั้น เริ่มมีตั้งแต่วันขึ้น 11 ค่ำ เดือน 12 วันนี้เป็นวันทำพิธีเจริญพระพุทธมนต์เปิดงาน และปลุกเสกพระเครื่องรางของขลังของหลวงพ่อ เสร็จแล้วทำพิธีเปิดงานในวันรุ่งขึ้น คือ วันขึ้น 12 ค่ำ เดือน 12 ถึงวันแรม  1 ค่ำ เดือน 12 รวม 5 วัน 5 คืน งานกลางเดือน 12 นี้
มีการแห่หลวงพ่อไปทางบกและ  ทางน้ำ พร้อมทั้งมีการแข่งเรือทุกชนิดและมีงานสนุกสนานมาก
ตลอดจนถึงศาลากลางจังหวัด
สำหรับการจัดงานนมัสการพระพุทธโสธร ประจำปี 2551 จะแยกเป็น 2 ส่วน
ส่วน ที่ 1 คือ งานนมัสการพระพุทธโสธร เริ่มตั้งแต่วันที่ 9 พฤศจิกายน 2551 ถึงวันที่ 13 พฤศจิกายน 2551 จัดขึ้น บริเวณวัดโสธรวรารามวรวิหาร อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา
ส่วนที่2 คือ งานนมัสการพระพุทธโสธร และงานกาชาด ประจำปี 2551 เริ่มตั้งแต่ วันที่ 4 พฤศจิกายน 2551 ถึงวันที่ 13 พฤศจิกายน 2551 จัดขึ้น ณ บริเวณหน้า ศาลากลางจังหวัด อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา  กิจกรรมภายในงานประกอบด้วย การนมัสการหลวงพ่อพระพุทธโสธร พิธีเปิด ขบวนแห่ที่ยิ่งใหญ่ตระการตา มีการแห่หลวงพ่อไปทางบกและทางน้ำ มีการแข่งขันกีฬาทางน้ำ การออกร้านกาชาด นิทรรศการของราชการและภาคเอกชน ตลอดทั้งสินค้าราคาถูกมากมาย จากบริษัทห้างร้าน โรงงาน





....................วัดโสธรวรารามวรวิหาร 

ออกแบบโบสถ์วัด โดย อาจารย์ ประเวศ ลิมประรังศรี


   โบสถ์วัดมีทั้งหมด ๙ ชั้น  เเต่ที่ใช้งานใช้เเค่ ๕ ชั้น นะค่ะ
ชั้นที่ ๑ กับ ชั้นที่ ๒ เป็นที่ประดิษฐ์ องค์หลวงพ่อโสธร
ชั้นที่ ๓ กับ ชั้นที่ ๔ เป็นที่เก็บพระไตรปิฎก
ชั้นที่ ๕ เป็นที่เก็บพระบรมสารีริกธาตุ


บริเวณยอดสุดของโบสถ์วัด เป็นฉัตร ๕ ชั้น
ทองคำ 
มีน้ำหนักประมาณ ๗๗ กิโลกรัม 
มูลค่ามากกว่า ๔๔ ล้านบาท


เป็นโบสถ๋หินอ่อน หินนำเข้ามาจากอิตาลี ชื่อหินไวคาราร่า เป็นหินเนื้ออ่อนที่ดีที่สุดในโลก
มูลค่าโดยรวม ของวัดโสธรวรารามวรวิหาร ประมาณมากกว่า  ๒000 ล้านบาท


บทความข้างต้น เรา นางสาวฉัตรกมล มงคล เอาไว้พูดนำทัวร์ เเกู่้ชม ไม่ว่าจะเป็นอาจารน์ นักเรียน ที่มาชม อาคาร พิพิธภัณฑ์ (แค่ที่ย่อ หน้าเล็กๆๆนั้นนะค่ะ)












โรงเรียนวัดโสธรวรารามวรวิหาร การประกวดวงดนตรีเยาวชนยามาฮ่าลูกทุ่งคอนเ­ทสต์ ครั้งที่ 10 ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี รอบคัดเลือกภาคกลางตะวันออก วันที่ 13-14 ตุลาคม 2555 ณ ศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ จังหวัดกรุงเทพมหานคร

http://www.youtube.com/watch?v=HQP1ZOB4nGQ